Monday, May 08, 2006

World Cup Fantasy

เมื่อสเวน โยรัน อีริคสัน ทำเรื่องอื้อฉาวอีกครั้งก่อนบอลโลกจะเริ่มฟาดแข้งเพียงไม่กี่สัปดาห์ เอฟเอของอังกฤษจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปลดเขาออกจากตำแหน่งในทันที แม้ว่าอังกฤษจะต้องเผชิญกับปัญหาที่หนักยิ่งกว่า ในการคัดสรรกุนซือคนใหม่เข้ามาคุมทีมแทน แต่ทว่าเหล่าบรรดากุนซือที่มีระดับทั้งหลายที่ว่างเว้นจากการคุมทีมระดับสโมสร ต่างจองทัวร์ไปเที่ยวพักผ่อนตากอากาศกันหมด โชคยังดีที่มีคนหัวใส แนะให้ทางเอฟเอ เลือกสรรกุนซือหน้าใหม่โดยอาศัยการทำทีมใน Football Manager เป็นตัวตัดสิน

การค้นหาสิ้นสุดลงในเวลาอันรวดเร็ว เมื่อเอฟเอประกาศเลือก Corgiman ผู้สามารถนำทีมลิเวอร์พูลเป็นแชมป์พรีเมียร์ชิพ และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกได้ในฤดูกาลแรกที่ทำทีม (แม้ว่าเขาจะเซฟเฉพาะเกมที่ทีมชนะเท่านั้นก็ตาม)

Corgiman เริ่มงานในวันแรกด้วยการกล่าวท้าทายนักเตะตามสไตล์มูรินโญ่ "พวกคุณเคยเป็นแชมป์ลีก หรือแชมป์ยุโรปบ้างหรือเปล่า" เมื่อนักเตะส่วนใหญ่ตอบว่าเคย Corgiman จึงขอให้พวกเขาเหล่านั้นเล่าประสบการณ์ให้ฟังเพื่อเป็นวิทยาทาน

ในวันต่อมา Corgiman ตัดนักเตะบางคนออก และเรียกนักเตะที่สื่อมวลชนอังกฤษไม่คาดคิดว่า จะอยู่ในข่าย22 ตัวจริงเข้าแคมป์ Corgiman ตัดไมเคิล โอเว่นออกจากทีม และเรียก ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ และสก็อต คาร์สัน เข้ามาติดทีมชุดใหญ่ เมื่อถูกสื่อมวลชนถามถึงเหตุผลที่ไม่เอา ไมเคิล โอเว่นไปเยอรมันด้วย Corgiman ยักไหล่และตอบไปว่า "ผมไม่เลือกนักเตะที่เห็นม้านั่งสำรองในทีมที่ไม่ได้แชมป์อะไรในสเปน ดีกว่าตำแหน่งตัวจริงในทีมแชมป์ยุโรปหรอกครับ"

อย่างไรก็ดี Corgiman พาเวย์น รูนี่ย์ ไปเยอรมันด้วย

......

อังกฤษเริ่มต้นบอลโลกอย่างไม่สวยนัก Corgiman ใช้ปีเตอร์ เคร้าช์ เป็นหัวหอกตัวเดียว ในแผนการเล่น "ยอดเจดีย์" ของเขา ในแผนการเล่นนี้ Corgiman วางกองหลังไว้ถึงเจ็ดตัว ปีกซ้ายขวา และกองหน้าหนึ่ง แน่นอน เคร้าช์ต้องเป็นจุดปลายของยอดเจดีย์

Corgiman ให้เหตุผลว่า ในการแข่งกับทีมอย่าง ปารากวัย และตรินิแดด ที่เขาไม่ค่อยรู้จักเท่าไหร่ ความรัดกุมของเกมรับต้องมาก่อน ผลการแข่งขันเป็นไปตามหมากที่วางไว้ โดยอังกฤษเสมอกับทั้งสองทีมไปแบบไร้สกอร์ ปีเตอร์ เคร้าช์สามารถส่งลูกหนังเข้าสู่ก้นตาข่ายได้ แต่ว่านั่นเป็นเหตุการณ์ภายหลังจากที่ผู้ตัดสินเป่านกหวีดหมดเวลาไปแล้ว

ในนัดสุดท้ายของกลุ่ม อังกฤษต้องตัดสินชะตากับสวีเดน ความกดดันตกอยู่กับ Corgiman สื่อมวลชนอังกฤษเรียกร้องและขอร้องให้เขาเลิกใช้ระบบ "ยอดเจดีย์" โดยมีการร่วมกันล่ารายชื่อให้ใช้ระบบ "ต้นคริสต์มาส" หรือ "สามเหลี่ยมทองคำ" แทน

Corgiman ยอมเปลี่ยนแผนการเล่น โดยเน้นเกมรุกมากขึ้น ...ทว่าผลการแข่งขันจบลงด้วยการเสมอกัน หนึ่งต่อหนึ่ง โดยอังกฤษได้ประตูจากการทำเข้าประตูตัวเองของกองหลังสวีเดน

อย่างไรก็ดี ผลต่างประตูได้เสียของอังกฤษดีพอที่จะช่วยให้ทีมได้เข้ารอบ และปล่อยให้ตรินิแดด และปารากวัยต้องกลับบ้านไปอย่างน่าเจ็บใจ

ในรอบสองนี้อังกฤษต้องเจอกับฝรั่งเศส ซึ่งมีทั้งซีดาน และอองรี Corgiman ยังเน้นให้ลูกทีมเล่นอย่างรัดกุมเหมือนเดิม ในช่วงท้ายเกม สกอร์ยังคงนิ่งที่ ศูนย์ต่อศูนย์ ก่อนที่กรรมการจะเป่านกหวีดหมดเวลาไม่กี่นาที อังกฤษได้ครองบอลอยู่นอกเขตโทษของฝรั่งเศส นักเตะทีมตราไก่ต่างไล่บี้ สตีเว่น เจอร์ราร์ดที่ครองบอลอยู่ ไอ้เจิดไม่รู้จะเลี้ยงไปทางไหนดี เลยส่งกลับให้ประตูฝรั่งเศส ทันใดนั้นเอง เธียรี่ อองรี ก็โผล่มาตัดลูกได้ และเลี้ยงบอลหลบ โกล์ฝรั่งเศสที่ออกมาจากเส้นประตู และแปนิ่มๆเข้าไป อังกฤษ 1 ฝรั่งเศส 0

ในรอบตัดเชือก อังกฤษต้องโคจรมาพบกับ คู่ปรับเก่า อาร์เจนตินา นัดนี้คิม นีลเซ่น กรรมการชาวเดนมาร์ค ผู้เคยตัดสินคู่นี้เมื่อครั้ง ฟร้องซ์ 98 ได้มาทำหน้าที่ห้ามมวยอีกครั้ง เพียงนาทีแรก เครสโปได้บอลเลี้ยงเข้าในเขตโทษ และถูกจอห์น เทอร์รี่หยิกสีข้าง ล้มลง กรรมการเป่านกหวีดยาว ชี้ไปที่จุดโทษในทันที เบ็คแฮม เดินเข้ามาปรบมือให้กำลังใจผู้รักษาประตู เดวิด เจมส์ แต่ทว่ากรรมการตีความว่า การตบมือของเบ็คแฮมเป็นการตบมือประชดการตัดสิน จึงแจกใบแดงให้กับหนุ่มเบ็คส์ไป อังกฤษเหลือผู้เล่นเพียงสิบคนตั้งแต่นาทีแรก

เครสโป ยิงลูกโทษข้ามคาน และบรรดากองหลังจากทีมอาร์เซน่อล พากันล้อมวงกางแขน ล้อเลียนศูนย์หน้าชาวอาร์เจนตินา ทำให้ผู้ตัดสินต้องแจกใบแดงให้กับกองหลังอังกฤษอีกสองใบ

อาร์เจนตินามาได้ประตูขึ้นนำในนาทีที่สาม เมื่อเจมส์ ออกมาตัดลูกเตะมุมพลาด ทำให้ไลโอแนล เมสซี่ โดนขึ้นเหนือปีเตอร์ เคร้าช์ โหม่งบอลเข้าประตูอังกฤษไป อาร์เจนตินา 1 อังกฤษ 0

เกมดำเนินไปด้วยความรุนแรง นักเตะต่างงัดลูกโหดมาใช้กันอย่างไม่เกรงกลัวใบแดง เพราะรู้ว่า กกต ยุคนี้ไม่กล้าแม้แต่จะแจกใบเหลือง

ในช่วงห้านาทีสุดท้าย Corgiman ตัดสินใจส่งเวย์น รูนี่ย์ ที่เพิ่งฟื้นจากอาการบาดเจ็บลงสนาม นี่คือการเดิมพันครั้งสำคัญที่สุดในชีวิตผู้จัดการทีมฟุตบอลของ Corgiman

สัมผัสแรกของรูนี่ย์คือการับบอลจาก เดวิด เจมส์ ที่โดนยิงอัดเข้าตรงเป้า จนจุก จึงปล่อยบอลให้รูนี่ย์ที่ลงมาดูอาการในเขตโทษเป็นคนเอาบอลไปเล่น รูนี่ย์ลากบอลจากเขตโทษของตัวเอง ผ่านผู้เล่นอาร์เจนติน่า คนแล้วคนเล่า แม้ว่าจะโดนเตะหนักแค่ไหน แต่รูนี่ย์ยังคงพาบอลไปเรื่อยๆ

เขาลากบอลเข้าในเขตโทษ และเลี้ยงหลบผู้รักษาประตู ก่อนที่จะส่งบอลเข้าไปซุกที่ก้นตาข่าย อังกฤษตีเสมอได้ แต่ทว่า รูนี่ย์ ผู้ทำประตูกลับต้องสิ้นสุดอาชีพนักเตะลงเพียงเท่านี้ เขาแสดงความดีใจด้วยการวิ่งออกไปนอกสนาม และสะดุดขาตัวเองล้มลง ทำให้กระดูกเท้าแตกยับเป็นเสี่ยงๆ หมดหนทางเยียวยา

Corgiman ตัดสินใจถอดรูนี่ย์ออก และส่งฟาวเลอร์ลงไปแทน อังกฤษฉวยโอกาสที่อาร์เจนตินาขวัญเสีย บอมบ์ลูกยาวใส่ในเขตโทษ

โกล์อาร์เจนติน่าโดดขึ้นพร้อมๆกับกองหน้าอังกฤษ หมัดของโกล์อาร์เจนตินากระแทกกับกรามขวาของปีเตอร์ เคร้าช์ ในขณะที่ลูกบอลสัมผัสโดนบางสิ่ง และลอยเข้าสู่ประตูอันว่างเปล่า อังกฤษพลิกแซงอาร์เจนติน่า เข้าชิงชนะเลิศกับเยอรมันเจ้าภาพได้สำเร็จ เมื่อโทรทัศน์ทำการย้อนดูภาพช้าของเหตุการณ์ที่นำมาซึ่งประตูชัยของอังกฤษ ผู้ชมจึงได้เห็นว่าแท้ที่จริงแล้ว สิ่งที่สัมผัสบอลให้ลอยเข้าประตูไปนั้นเป็นกำปั้นของผู้เล่นอังกฤษคนหนึ่งนั่นเอง

หลังจบเกม ผู้สื่อข่าวต่างมารุมถาม Corgiman ถึงผู้ที่ทำประตูชัยให้อังกฤษ Corgiman ให้คำตอบที่สั้นและตรงกับความจริงที่สุด ว่า "It's a hand of God"

ในนัดชิงชนะเลิศ อังกฤษตกอยู่ในสถานะลำบาก เพราะผู้เล่นติดโทษแดง และบาดเจ็บ (ส่วนผู้เล่นจากสเปอร์ ท้องเสียจนไม่มีแรงเล่น) จนเหลือผู้เล่น outfield ที่ลงสนามได้เพียง เจมี่ คาราเกอร์ สตีเว่น วอร์น็อค สตีเว่น เจอร์ราร์ด ปีเตอร์ เคร้าช์ และร็อบบี้ ฟาวเลอร์

ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ทีมแพทย์อังกฤษจึงใช้วิทยาศาสตร์การกีฬาสมัยใหม่ แก้ปัญหาให้กับทีม และสามารถช่วยให้ Corgiman จัดดรีมทีมของชาวเมอร์ซี่ไซด์ ลงในนัดชิงถ้วยบอลโลกได้

รายนามผู้เล่นอังกฤษ มีดังนี้

ประตู สก็อต คาร์สัน
กองหลัง เจมี่ คาราเกอร์ เจมี่ คาราเกอร์ เจมี่ คาราเกอร์ และ เจมี่ คาราเกอร์
กองกลาง สตีเว่น เจอร์ราร์ด สตีเว่น เจอร์ราร์ด สตีเว่น เจอร์ราร์ด และ สตีเว่น เจอร์ราร์ด
กองหน้า ปีเตอร์ เคร้าช์ ร็อบบี้ ฟาวเลอร์

สำรอง สตีเว่น วอร์น็อค สตีเว่น เจอร์ราร์ด(2) และ เจมี่ คาราเกอร์(2)

อังกฤษ สามารถคุมเกมได้อย่างเบ็ดเสร็จ เยอรมันประสบปัญหาในการเผชิญหน้ากับผู้เล่นอังกฤษซ้ำๆกันทั้งในแดนกลาง และในแดนหลัง อังกฤษขึ้นนำก่อนถึง 4-0 จากการยิงของปีเตอร์ เคร้าช์คนเดียว แม้ว่า ลูกยิงทั้งสี่ลูกจะต้องนำเทปมาพิจารณากันอีกครั้งว่า เป็นการยิงของเคร้าช์ หรือการทำเข้าประตูตัวเองของผู้รักษาประตู

กว่าที่เยอรมันจะส่ง ดีทมาร์ ฮาร์มัน ลงมาช่วยเพื่อนร่วมทีมแยกแยะว่า คนไหนคือ คาราเกอร์แบ็คซ้าย คนไหนคือคาราเกอร์เซนเตอร์ เกมก็ขาดไปเยอะแล้ว

ช่วงท้ายเกม คาราเกอร์แบ็คซ้ายมีอาการบาดเจ็บ ทำให้ Corgiman ต้องเรียก สตีเว่น วอร์น็อค ลุกขึ้นมาวอร์ม ก่อนที่จะตัดสินในส่ง เจมี่ คาราเกอร์สำรอง ลงไปแทนเจมี่ คาราเกอร์ที่บาดเจ็บ

จบเกม อังกฤษชนะ เยอรมันด้วยสกอร์ 4-0 ที่ภายหลังฟีฟ่าออกมายืนยันว่า ทั้งสี่ประตูเป็นของปีเตอร์ เคร้าช์เพียงประตูเดียว ส่วนอีกสามประตูเป็น แฮททริค ของเยนส์ เลห์มัน

3 Comments:

At 5:50 AM , Anonymous Anonymous said...

อย่างนี้ต้องเป็น Lehmann 3-1 England สิครับ อาจารย์ :-)

 
At 1:00 PM , Blogger ไอ้หนวดยีน said...

โอ้ นี่ผมอ่านมาจนจบได้ไงเนี่ย

 
At 11:08 AM , Blogger Gelgloog said...

อ่านแล้วอยากเล่นจัง

ไม่ได้เล่น FM มานานแว้วววว


แต่ล่อซะเจอราร์ดล้นทีมเลยนะเนี่ย อิอิ

 

Post a Comment

Subscribe to Post Comments [Atom]

<< Home