Monday, May 23, 2005

มนต์ขลังที่หลงเหลืออยู่ของ เอฟเอ คัพ

ไม่น่าเชื่อว่าเส้นแบ่งระหว่าง Agony กับ Esctasy จะบางเฉียบถึงเพียงนี้..

แมนฯยูไนเต็ดมีโอกาสมากมายที่จะได้ชูถ้วยเอฟเอคัพในปีนี้ ในช่วง 120 นาทีของการแข่งขันนัดชิงชนะเลิศถ้วยเอฟเอคัพ...

เสา คาน หัวเฟดริค ลุกเบิร์ก และขาของเยนส์ เลห์มัน ช่วยกันขวางกั้นไม่ให้ลูกยิงของแมนฯ ยูไนเต็ดเข้าไปนอนซุกที่ก้นตาข่าย

ในขณะที่ผู้รักษาประตูของปืนใหญ่และแผงกองหลังถูกแนวรุกปีศาจแดงคุกคามครั้งแล้วครั้งเล่า ฝั่งรอย คาร์โรล กลับมีค่อยได้มีบทบาทเท่าใดนัก เขาเพิ่งจะได้ออกแรงเซฟครั้งแรก ก็เมื่อเกมล่วงเลยเข้าสู่ช่วงต่อเวลาพิเศษแล้ว จากลูกเซตพีซนอกเขตโทษ ของโรบิน ฟานเพอร์ซี่..

..อาจจะเป็นลูกเดียวตลอดทั้งเกมด้วยซ้ำที่อาร์เซน่อลทำได้ใกล้เคียงที่สุด..

น่าเสียดายที่กติกามิได้ให้คะแนนกับจำนวนโอกาสที่ใกล้เคียงกับการเป็นประตู...การค้นหาผู้ที่จะครอบครองถ้วยเอฟเอคัพในช่วง 12 เดือนข้างหน้า จึงต้องทำการตัดสินด้วย นักเตะจำนวน 12 คน (ผู้ยิงลูกโทษข้างละห้าคน และผู้รักษาประตูอีกสองคน) ที่กรอบเขตประตู ทางฟากหนึ่่งของสนามมิลเลเนี่ยมเท่านั้น

แฟนแมนฯยูไนเต็ด คงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าโลกนี้ช่างไร้ความยุติธรรมเสียนี่กระไร ซ้ำร้ายอาจพาลรู้สึกเหมือนถูกปล้นชัยชนะอีกด้วย..

เพราะตลอดเกมนั้น นักเตะปีีศาจแดงเล่นได้ดีกว่าพลพรรคปืนใหญ่มาก ไม่ว่าจะเป็นโอกาสทำประตูที่จะแจ้งกว่า หรือจำนวนครั้งที่ได้เปิดลูกเตะมุมเข้ามา

เสียงบรรยายจากฝั่งอังกฤษ ได้เปรยขึ้นมาก่อนจบการแข่งขันใน 120 นาทีว่า ดูจากรูปเกมแล้ว มัน "ยุติธรรม" (fair) ที่ปีศาจแดงจะเป็นผู้ชนะในเกมนี้..

แอนดี้ เกรย์ (อดีตศูนย์หน้าทีมชาติสก็อต วิลล่า วูล์ฟ และเอเวอร์ตั้น)ที่เป็นผู้บรรยายร่วม สวนขึ้นทันทีว่า ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เกมฟุตบอล ให้ความยุติธรรมกับทีมที่มีโอกาสมากกว่า..

อดีตศูนย์หน้าผู้หันมาเอาดีในทางวิจารณ์เกมทางทีวีรายนี้ กล่าวเหมือนกันเห็นล่วงหน้าว่า เกมนี้จะจบลงเช่นไร

แมนฯ ยูไนเต็ด พ่ายการดวลลูกโทษ เพียงเพราะพอล สโคลล์ยิงไปติดมือของ เลห์มัน ..แค่นั้นเองครับ เพียงแค่ลูกเดียวที่พลาดไป

ในขณะที่อาร์เซน่อลไม่พลาดเลยซักคน..

ผมเชื่อว่า ทั้งนักเตะและแฟนปีศาจแดง คงแทบไม่เชื่อสายตา และไม่อยากจะคิดเลยด้วยว่าโชคชะตาจะเล่นตลกกับพวกเขาได้ถึงขนาดนี้

พวกเขาคงคิด และคงอยากพูดออกมาดังๆด้วยว่า อาร์เซน่อลไม่สมควรเป็นผู้ชนะในเกมนี้..

ไม่ว่าคุณจะคิดอย่างไร แต่ผมคิดว่านี่คือเสน่ห์สุดท้ายที่ยังหลงเหลืออยู่ของการแข่งขันฟุตบอล เอฟเอ คัพนี้

เพราะในปัจจุบันช่องว่างระหว่างทีมใหญ่กับทีมเล็ก มันห่างเสียจนเราคงไม่มีโอกาสเห็นแจ็คฆ่ายักษ์กลางมิลเลเนียมสเตเดี้ยม (หรือกลางเวมบลีย์ใหม่ในอนาคต)กันอีกแล้ว

ชัยชนะในอดีตของ อิปสวิช/เวสต์แฮม เหนืออาร์เซน่อล เซาท์แธมป์ตั้นเหนือ แมนฯยู และวิมเบิลดั้นเหนือลิเวอร์พูล ..คงหาดูได้ยากแล้วในยุคสมัยนี้

สังเกตุดูได้จากมนต์ขลังที่ลดลงของนัดชิงเอฟเอ คัพในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เพราะแค่เพียงเราเห็นคู่ชิงที่เป็นทีมต่างระดับกัน ไม่ว่าจะเป็นนัดชิงระหว่าง อาร์เซน่อล vs เซาท์แธมป์ตั้น แมนฯยู vs นิวคาสเซิล แมนฯยู vs มิลวอลล์ แล้ว เราสามารถบอกล่วงหน้าได้เลยว่า ทีมใดจะเป็นผู้ชนะ ..อรรถรสจากการชมการถ่ายทอดสดแทบไม่เหลือแล้ว ...

ยิ่งทีมใหญ่ๆในปัจจุบัน ต่างมองถ้วยเอฟเอ คัพนี้ในฐานะรางวัลปลอบใจแฟนๆ ในกรณีไม่มีเมเจอร์โทรฟี่ อย่างพรีเมียร์ ลีก หรือ UCL มาฝากแฟนๆ ส่วนพวกทีมระดับรองลงมาพาลเมินบอลถ้วยนี้กับเขาด้วย ถ้าเลือกได้ ก็ยินดีแลกถ้วยนี้ กับโอกาสในการได้อันดับสี่ในตารางพรีเมียร์ลีก..

ด้วยเหตุนี้ ผมจึงมองว่า ผลการแข่งขันเมื่อค่ำคืนวันเสาร์น่าจะเป็นเรื่องที่น่ายินดีสำหรับแฟนบอลทั้งหลาย

เพราะการพ่ายแพ้ต่อคู่แค้นอย่างอาร์เซน่อลอย่างน่าเจ็บใจเช่นนี้ น่าจะช่วยทำให้ทีมปีศาจแดงมีความมุ่งมั่นที่จะพิชิตถ้วยนี้มากยิ่งขึ้นในฤดูกาลหน้า ผนวกกับถ้วยใบนี้เป็นรางวัลในประเทศที่โชเซ่ มูรินโญ่ยังไม่เคยได้สัมผัส ดังนั้นเราน่าจะได้เห็นสองทีมใหญ่ให้ความสำคัญกับถ้วยใบนี้ในลำดับต้นๆสำหรับการแข่งขันในฤดูกาลหน้า อ้อ! เกือบลืม อาจจะมีอีกทีมร่วมแย่งถ้วยนี้ด้วยเพราะฤดูกาลนี้ ตกรอบอย่างน่าทุเรศ ตายคาบ้านแจ็ค

ภาพอุบาทว์นั่นยังติดตาอยู่เลยะ ตูราม 2 พยายามดูดบอลแบบซีดาน หน้าปากประตูดัวเอง แล้วดันเฟอะฟะ ทำบอลทะลักเข้าโกล์ไป ...

หวังว่าคงไปไกลว่ารอบสามนะ

1 Comments:

At 12:02 AM , Blogger กระต่ายน้อย returns said...

ในที่สุดปืนก็พิสูจน์ให้เห็นว่ามีครบทุกอย่างจริงๆ
แม้ในวันที่ปืนเล่นได้แย่กว่าก็ยังมีสิ่งสุดท้ายที่ตัดสินแพ้ชนะให้กับเกมฟุตบอล....ดวงครับ

ยังไงก็เถอะ ตอนนี้ผมเชียร์หงส์ทีมเดียวเท่านั้น
ในใจผมรุ่มร้อน เสียงดังกึกก้องอยู่ในหูตลอดเวลา
เมม เมม เมม เมม เมม เมม เมม เมม เมม เมม เมม
อย่าลืมนะครับคุณ Corgiman

 

Post a Comment

Subscribe to Post Comments [Atom]

<< Home