Wednesday, August 10, 2005

ก่อนถึงรอบแบ่งกลุ่ม



นี่คือภาพเมื่อคืนวันที่ 25 พฤษภาคม ...

ภาพบาดตาบาดใจแฟนผีแดงทั่วโลก (ยกเว้นคนนึงที่เห็นเม็มดีกว่า ความเป็นสาวกผีแบบ die hard)

นับจากคืนนั้นมาถึงเมื่อคืนที่ผ่านมา ก้อสองเดือนกว่าเข้าไปแล้ว...

สองเดือนกว่าที่ผมว่างเว้นจากการอดหลับอดนอนเพื่อรอดูการถ่ายทอดสดฟุตบอลถ้วยใหญ่ของยุโรป (แต่กลับต้องอดนอนด้วยเหตุผลอื่นแทน!) ...เมื่อคืนนี้ (ตี1สี่สิบห้า เวลาในประเทศไทย) ...ชีวิตค้างคาวเฝ้าจอตู้ดูหงส์ระเริงฟุตบอลยุโรปได้กลับมาหาผมอีกแล้ว

แม้ว่าหงส์แดงจะได้ลงเตะในรอบคัดเลือกก่อนหน้านี้ไปแล้วถึงสองรอบ แต่คู่แข่งในสองรอบที่แล้วนั้นห่างชั้นกันจนเกินกว่่าที่เคเบิ้ลบ้านเราจะถ่ายทอดกันให้ชมทั้งนัดเหย้าและนัดเยือน และ เอล ราฟา ก้อไม่เคยจัดตัวแบบส่งชุดใหญ่ลงครบทั้งสิบเอ็ดคนเลย

ในสองนัดก่อนหน้านี้ เบนิเตซจัดผู้เล่นดาวรุ่งลงไปคละกับผู้เล่นตัวจริง ในสิบเอ็ดคนแรกเสมอ ผู้เล่นอย่าง Medjani Potter Whitbread ต่างได้รับโอกาสลิ้มลองรสชาติฟุตบอลยุโรปกันเป็นครั้งแรก ...

แต่มาเมื่อคืนนี้ ที่หงส์แดงต้องออกไปเยือนทีม CSKA Sofia ถึงถิ่นบัลกาเรีย เบนิเตซส่งผู้เล่นที่แกร่งที่สุดสิบเอ็ดคนแรกลงสนามเป็นครั้งแรก

เริ่มจากผู้รักษาประตู เรย์น่า แผงหลัง ฟินแน่น คาราเกอร์ ฮูเปีย วอร์น็อค แผงกลาง การ์เซีย เจอราร์ด อลองโซ่ และรีเซ่ โดยมี ซิสเซ่ และมอริเอนเตสเป็นคู่หน้า

มิลาน บารอสยังถูกเก็บไว้ข้างสนามเผื่อไว้ในกรณีที่จำเป็น เพราะเกรงว่าการลงสนามของเขาเพียงเสี้ยววินาทีเดียวในการแข่งขันถ้วยนี้ จะทำให้ มูลค่า ของเขาลดลงไปเนื่องจากติด "คัพไท" ไม่สามารถลงสนามให้กับทีมอื่นๆได้อีกในการแข่งขันนี้

(การรักษามูลค่าของบารอสไว้เช่นนี้แสดงให้เห็นชัดว่า ลิเวอร์พูลตั้งค่าหัวบารอสไว้สูงไม่น้อย และคงมีทีมระดับที่ลงแข่งในแชมเปี้ยนส์ลีกเท่านั้นที่จะมีเงินถุงเงินถังมากพอจะมาจ่ายค่าตัวของเขา)

การจัดตัวในนัดนี้บ่งบอกถึงความสำคัญของเกมได้เป็นอย่างดี เพราะหากผ่านรอบคัดเลือกนี้ไปแล้ว หงส์แดงจะได้สิทธิเข้าไปเล่นในรอบแบ่งกลุ่มร่วมกับทีมชั้นนำของยุโรป ซึ่งนั่นหมายถึงเงินส่วนแบ่งจากการแข่งขันและการถ่ายทอดสด ที่มีมูลค่ามหาศาล อยู่เพียงแค่เอื้อม

อย่างไรก็ดี หลายคนอาจตั้งของสังเกตุว่า CSKA เป็นไผ อ่ะ เก่งเจงป่ะ มะเห็นรู้จักเลย ทำไมหงส์ต้องจัดชุดใหญ่ลงเซิ้งแข้งด้วยอ่ะ

ครับ วัยรุ่นสมัยนี้คงไม่รู้จักทีมจากบัลการเรียทีมนี้แน่นอน... แต่คนแก่อย่างผมน่ะสิ จำทีมนี้ได้

สมัยก่อนโน้น ในยุคที่สโมสรฟุตบอลจากอังกฤษผูกขาดสัมปทานแชมป์ถ้วยใบนี้ ไล่มาตั้งแต่ ลิเวอร์พูล (1977-1978) น็อติ้งแฮม ฟอเรสต์ (1979-1980) ลิเวอร์พูล (1981) แอสตัน วิลล่า (1982) และลิเวอร์พูล (1984)

ในฤดูกาล 1980-1981 ฟอเรสต์เข้าร่วมแข่งชิงถ้วยยูโรเปี้ยนคัพนี้ ในฐานะแชมป์เก่า และก้อต้องตกรอบต้นๆไปด้วยน้ำมือของ CSKA เนี่ยแหละครับ

ในฤดูกาลเดียวกันนั้นเอง หงส์แดงเข้าแข่งถ้วยนี้ในฐานะแชมป์ฟุตบอลลีกของอังกฤษ หงส์แดงที่ผิดหวังมาจากการตกรอบถ้วยใบนี้ในรอบต้นๆถึงสองปีติดกัน สามารถฝ่าฟันหักด่านเหล่าทีมจากยุโรป จนเข้าชิง และเป็นแชมปป์ในปีนั้น เข้าใจว่าในรอบ Quarterfinal กระมังที่หงส์แดงต้องมาชนกัน CSKA จำได้ว่า หนังสือฟุตบอลในยุคนั้น รายงานไว้ว่า บ็อบ เพสลีย์ กุนซือหงส์แดงได้หารือกับ ไบรอัน คลัฟ กุนซือทีมฟอเรสต์ ผู้ซึ่งถูก CSKA ล้มมาในรอบต้นๆ เพื่อขอข้อมูลก่อนการแข่งขัน

ความช่วยเหลือกันของกุนซือต่างสโมสรคงไม่มีให้เห็นในยุคปัจจุบัน ที่ดูเหมือนว่า ไม่เพียงแต่นักเตะที่ลงห้ำหั่นกันในสนามเท่านั้น แต่กุนซือยังไม่วายต้องกระทำสงครามผ่านสื่อใส่กันอีกด้วย

CSKA ไม่ใช่ทีมที่มีชื่อเสียงเท่าใด ผมเข้าใจว่าเป็นสโมสรฟุตบอลของกองทัพบกบัลกาเรีย อะไรเทือกนี้ด้วยซ้ำ แต่ทีมจากยุโรปตะวันออกต่างขึ้นชื่อเรื่องเทคนิค ความสามารถเฉพาะตัว ที่เหนือกว่านักเตะอังกฤษ ดังนั้นการเตะกับทีมอย่าง CSKA จึงเป็น match ที่ tricky ไม่น้อย

เคยอ่านมาว่า ทีมอังกฤษที่ไปเยือนถิ่นยุโรปตะวันออก ต้องเผชิญกับลูกตุกติกนอกเกม ของเหล่ากองเชียร์ เช่น การยกพวกไปทำเสียงรบกวนภายนอกโรงแรมที่พัก จนทำให้เหล่านักฟุตบอลทีมเยือนไม่สามารถนอนหลับได้ เป็นต้น

เชื่อว่าลูกเล่นเหล่านี้คงไม่ใช้กันแล้วในยุคสมัยปัจจุบัน เพราะนักฟุตบอลระดับดารามีความเป็นสินค้าอินเตอร์สูงกว่าในอดีต แฟนบอลเจ้าถิ่นคงแห่กันไปขอลายเซ็นต์นักเตะดังของทีมเยือนซะมากกว่า จะไปบ่อนทำลายความสงบ

สำหรับทีม CSKA ในวันนี้ก็แตกต่างจากเมื่อยี่สิบกว่าปีมาก เพราะเมื่อก่อนนั้นนักเตะในทีมทุกคนเป็นชาวบัลกาเรีย แต่ทีมที่ลงเซิ้งแข้งกับลิเวอร์พูลเมื่อคืนนี้นั้น มีนักเตะต่างชาติปะปนอยู่ไม่น้อย เท่าที่จำได้มีจากแอฟริกา และบราซิล

หงส์แดงจัดทีมโดยใช้ผู้เล่นจากฤดูกาลที่แล้วแทบทั้งสิ้น มีเพียงผู้รักษาประตูเท่านั้นที่เป็นผู้เล่นหน้าใหม่ ...ผลการแข่งขันก็เป็นอย่างที่ทราบกัน หงส์บุกไปเอาชนะได้ 3 ประตูต่อ 1

นัดนี้กัปตัน สตีวี่ เจิด ไม่ได้ยิง แต่เป็นผู้ใส่พานให้กองหน้าปิดสกอร์ทั้งสามลูก... โดยรวมแล้วหงส์แดงเล่นเป็นทีมได้ดี สร้างเกมรุกที่ดูน่ากลัว และน่าจะทำสกอร์ได้มากกว่า สามลูก (โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มอริเอนเตส น่าจะทำแฮททริกได้ ถ้าลูกยิงลูกนั้นไม่ชนเสาออกไป) เกมรับยังมีจังหวะน่าเสียวใส้ให้เห็นเหมือนเคย และลูกที่เสียประตูก็มาจากการเปิดจากด้านขวาของแนวรับ ถ้าไม่ได้ลูกเซฟในนาทีท้ายของเรย์น่า เกมนัดที่สอง คงน่าลุ้นมากกว่านี้

อย่างน้อยที่สุดในเกมนี้ก็ยังมีสัญญาณที่น่าจะให้ความหวังกับแฟนๆได้บ้่าง ก่อนที่จะถึงวันเสาร์แรกของฤดูกาล 2005-2006 ราฟาจัดตัวแบบกล้าเปิดเกมรุกใส่ ทั้งๆที่เป็นทีมเยือน และหงส์แดงก็สามารถคุมเกมโดยส่วนใหญ่ไว้ได้ ...สามารถสร้างเกมรุกขึ้นมา และจบลงด้วยการยิงประตูบ่อยครั้ง...น่าจะสร้างความหวังได้วว่า เกมในฐานะทีมเยือนในฤดูกาลนี้ ไม่บู่เหมือนฤดูกาลที่แล้วแน่ๆ และถ้าเทียบชั้นของ CSKA กับทีมไม้ประดับในพรีเมียร์ชิพแล้ว ปีนี้หงส์น่าจะทำผลงานเก็บแต้มจากทีมเหล่านี้ได้มากขึ้น... สามแต้มจากโอลด์แทรฟฟอร์ดควรจะเก็บมาได้ไม่ยาก

6 Comments:

At 3:36 AM , Blogger kickoman said...

ไม่มีให้ดู แต่ตามมาเชียร์

3-1 แล้วคร้าบ

 
At 7:26 AM , Anonymous Anonymous said...

ไม่ทราบว่าคุณ corgi ดูบอลล์ถึงกี่โมงคะเมื่อคืนนี้ วันนี้เดี้ยงรึป่าวคะ อย่าลืมไปทำงานนะคะ :-)

 
At 10:56 AM , Blogger kickoman said...

ขอลงชื่อสนับสนุนข้อความประโยคสุดท้าย

 
At 3:41 PM , Anonymous Anonymous said...

อ่านแล้วเพลินดีค่ะ แต่ก้องง ๆ ศัพท์บอลล์บางอัน ได้ยินบ่อย ๆ คำว่าแฮททริก มันแปลว่าอะไรหรือคะ

อ่านชื่อทีมหงส์แล้วก้อไม่รู้จักสักคน อิ ๆ ไม่ได้ตามมานานมาก ๆ แล้ว สงสัยต้องกลับมาดูสักตั้ง จะได้เอามาเสวนากะอาจารย์ได้ค่ะ

 
At 3:56 PM , Anonymous Anonymous said...

แฮทริกแปลว่า สามลูกรวดครับ

ตัวอย่างการใช้เช่น เมื่อคืนนี้ รุดยิงแฮทริก แปลว่า รุดยิงประตูถึงสามลูกในหนึ่งเกม

หรือ เมื่อคืนนี้ StrawHat ก็แฮทริกเหมือนกัน แปลว่า เมื่อคืนนี้ StrawHat ได้ยิงประตูสามครั้งรวดเช่นกัน

 
At 10:25 PM , Anonymous Anonymous said...

คุณ Strawhat ยิงกะใครคะ ประตูที่ว่าเนี่ย :-) ยังไงก้อขอบคุณมากนะคะที่ช่วยอธิบายคำว่าแฮททริกน่ะค่ะ ตอนนี้หูตาสว่างแล้ว

 

Post a Comment

Subscribe to Post Comments [Atom]

<< Home